ในการทำงานขั้นต้น เราก็ควรจะมีวิชาหรือวิทยายุทธติดตัวไว้บ้าง สำหรับไว้ป้องกันตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นในยุทธภพ ไปๆมาๆกลายเป็นหนังจีนกำลังภายในไปซะละ 555
วิชาแรกที่ควรจะมีติดตัวคือ วิชามนุษยสัมพันธ์ ครับ น้องๆวิศวกรท่านใดคิดว่าเจ๋ง คิดว่าแน่ อีโก้สูงก่อนเข้าไปไซต์งานก่อสร้าง ให้เอาวางกองทิ้งไว้หน้าปากทางเข้ารั้ว ตรงนั้นก่อนนะครับ หากคุณเป็นคนที่ IQ ดีแต่ EQ. ต่ำนั้น ผมรับรองว่างานนี้ไม่เหมาะกับคุณเลย เพราะอะไรน่ะหรือครับ เพราะว่าเราไม่สามารถทำงานทั้งหมดทั้งมวลในโครงการก่อสร้างได้ด้วยตัวคนเดียวครับ
ต้องทำงานเป็นทีม !! ทีมของเราประกอบด้วย กลุ่มคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การทำให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จด้วยดี อย่างมีคุณภาพและกำไร
เมื่อต้องทำงานเป็นทีมแล้วมนุษยสัมพันธ์กับคนในทีมของเราต้องดี และรักษาความสัมพันธ์ในเชิงบวกเข้าไว้ และต้องมีเป้าหมายวัตถุประสงค์เดียวกัน จึงจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก
วิชาที่สอง วิชาการแก้ปัญหา ในแต่ละวันหน้างานก่อสร้างมักจะเจอปัญหาอยู่ทุกวัน ไม่ต้องตกใจเป็นเรื่องปกติ เมื่อเจอปัญหาให้เราฝึกที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าหลบหนี ปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอมักจะเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว มักจะมีเวลาและทรัพยากรอย่างจำกัดสำหรับวิธีการหาทางแก้ไขปัญหา โดยทั่วไปมักจะแก้ไขได้ไม่ค่อยดีในช่วงเริ่มต้น ควรจะหาผู้รู้เพื่อ ปรึกษาก่อนจะตัดสินใจกระทำการใดออกไป แต่ถ้าหากเรามีการฝึกที่จะแก้ไขบ่อยๆแล้ว ช่วงหลังๆปัญหามักจะซ้ำๆกัน ทำให้การแก้ปัญหากลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา ขอให้อดทนผ่านช่วงแรกไปได้ช่วงหลังจะสบายขึ้น รับรองเราจะเก่งขึ้นอย่างหาตัวจับได้ยากและจะแลดูมีค่าในวงการ
วิชาที่สาม วิชาความอดทน วิศวกรสนามควรจะมีความอดทนเป็นอย่างยิ่งจึงจะก้าวไกลในสายอาชีพนี้ แบ่งได้เป็นสองประเภท คือ ความอดทนทางกาย และ ความอดทนทางใจ
ความอดทนทางกายนั้นได้แก่ อดทนต่อความร้อน แสงแดด อดทนต่อความยากลำบากภายนอกทั้งหลาย ส่วนความอดทนทางใจนั้น เช่น อดทนต่อเสียงด่าเสียงตำหนิ การควบคุมอารมณ์ การรู้จักยับยั้งชั่งใจระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เป็นต้น
เอาล่ะ เมื่อกล่าวถึง 3 วิชาบู๊ แล้วนั้น ต่อไปก็ขอกล่าวถึงวิชาบุ๋น
วิชาบุ๋นหลักๆที่ใช้บ่อยสำหรับงานวิศวกรสนามได้แก่
Drawing สำหรับใช้ดูแบบก่อสร้าง การอ่านแบบสำคัญ บางครั้งต้องจินตนาการจาก 2 มิติเป็น 3 มิติได้หากทำได้แบบนี้จะดีมาก บางครั้งก็ต้องใช้โปรแกรม Autocad ได้บ้างจะได้เปรียบ หากเขียน AutoCad ไม่ได้เลยก็ไม่ไหวเหมือนกัน บางที Shop Drawing ก็ต้องทำเองได้
Survey บริษัทบางแห่ง ก็อาจจะไม่ได้ใช้เลยเพราะ อาจจะมีช่างสำรวจให้ในบริษัท แต่บางที่ก็ต้องทำเองทุกอย่าง ที่ใช้บ่อยคือการหาแนวเสา แนวอาคาร และหาค่าระดับ โดยใช้กล้องสำรวจ คำนวณไม่ค่อยมีแต่จะเน้นปฏิบัติเสียมากกว่า
RC Design แต่ใช้ไม่มากสัก 10% ของที่เรียนได้ เนื้องานโดยทั่วไป ไม่ค่อยได้ออกแบบอะไรมากสำหรับหน้างาน นานๆจะมีสักครั้้ง ที่จะต้องคำนวณและเซ็นรับรองรายการคำนวณ ส่งให้ที่ปรึกษาตรวจแต่ที่ควรจะรู้หลักๆเบื้องต้น เช่น การรับน้ำหนักของนั่งร้าน ค้ำยัน Dead load , Live load ควรจะมีติดตัวไว้บ้าง
Estimate งานถอดแบบประมาณราคาเป็นทักษะสำคัญ ไว้สำหรับสั่งของสั่งวัสดุใช้งานหรือไว้ใช้หาปริมาณงานที่จะจัดจ้างผู้รับเหมาช่วง บ่อยครั้งที่มักจะได้รับงานถอดปริมาณเพื่อสั่งวัสดุหรืองานอื่นๆที่ต้องใช้ความรู้ด้านการประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การวัดปริมาณงานเพื่อเป็นส่วนหนึ่งประกอบการวางแผนการใช้คน เครื่องจักร เป็นต้น
Foundation ส่วนใหญ่จะใช้ช่วงงานดินงานฐานรากเสาเข็ม กำแพงกันดิน คำนวณหาค่า Blow count หรืออาจจะใช้หาค่างานแก้ไขกรณีเสาเข็มไม่ได้มาตรฐาน เช่น เสาเข็มหัก เสาเข็มเยื้องศูนย์เป็นต้น
ที่เหลือก็เป็นวิชาการด้านอื่นๆที่จะได้ใช้น้อยมาก เมื่อเทียบกับวิชาข้างต้น และที่สำคัญที่สุดยังมีความรู้อีกมากมายหลายอย่างที่ไม่มีสอนในตำราเรียน เราจำเป็นจะต้องหาความรู้เพิ่มเติม จากการทำงานจริง หาเอาจากประสบการณ์หน้างาน หรือหน่วยงานอื่นๆที่เชี่ยวชาญที่ได้รวบรวมไว้ มาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นจอมยุทธได้ในอนาคต